วันนี้ (7 ส.ค. 60) ที่โปรแกรมวิชาทัศนศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งเปิดภาคเรียนใหม่มาได้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว ที่ฮือฮาคือปีนี้มีนักศึกษาใหม่อายุมากถึง 79 ปี คือ นายกิตติ เนตวงษ์ สมัครเข้ามาเรียนกับรุ่นหลาน โดยไม่ขอใช้สิทธิ์ในการเทียบโอนวิชาใดๆ ทั้งสิ้นทั้งที่ตนเองจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทมาแล้ว แต่มีความตั้งใจที่จะเรียนตามหลักสูตรให้จบตามหลักสูตรคือ 4 ปีเต็ม
นายกิตติ เนตวงษ์ นักศึกษาใหม่วัย 79 ปี เปิดเผยว่า ที่บ้านประกอบกิจการเครื่องปั้นดินเผา “อำแดง” ส่งออกเครื่องปั้นดินเผาไปทั่วโลก ตนคลุกคลีกับงานประติมากรรมเครื่องปั้นดินเผามาตลอดชีวิต และครอบครัวทุกคนก็พร้อมใจที่จะให้ตนมาเรียนหนังสือ ลูกชาย 2 คนที่จบปริญญาตรี รวมถึงแม่บ้านก็บอกให้มาเรียน และเรามีความสุขทีได้มาเรียน เป็นความตั้งใจของตัวเองตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
การเป็นนักศึกษาทำให้เรามีวินัยมากยิ่งขึ้น อยู่บ้านไม่ได้ทำอะไรคนวัยเกษียณมันอาจจะเละเทะเกินไป และได้มาเรียนหนังสือด้วยการเริ่มต้นกับหลานๆ เหลนๆ ก็ทำให้เราดูหนุ่มขึ้น แต่ส่วนตัวก็คิดว่าตัวเองยังไม่แก่อยู่แล้ว ครูอาจารย์ที่มาสอนก็ล้วนแต่คุ้นเคยกัน รู้จักกันทั้งหมด ยังเรียกตนเองว่า “พี่” ตนอยู่ในระบบมาตลอดเพราะเรียนจบที่ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่ในระบบอย่างเคร่งครัดอยู่แล้วจึงไม่กังวลที่จะต้องอยู่ในระบบการศึกษาเหมือนกับรุ่นหลานรุ่นเหลน
นายกิตติกล่าวอีกว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้เลือกสาขาใดเป็นพิเศษ เพราะยังไม่ทราบความต้องการขอบตัวเองว่าชอบงานศิลปะประเภทไหน ประติมากรรม ภาพพิมพ์หรืออื่นๆ แต่ที่บ้านทำงานด้านประติมากรรมมาตลอด ขอเรียนไปอีกสักพักเพื่อรู้ความต้องการของตัวเองก่อนจึงจะเลือกเรียนเฉพาะทางได้ ต้องบอกว่าการที่มาสมัครเรียนที่นี่ไม่ได้เอาไปเพิ่มคุณวุฒิเพื่อทำอะไร แต่ขอบอกว่ามาด้วยใจจริงๆ มาเพราะอยากเรียนรู้งานศิลปะ อยากเข้าถึงงานศิลปะอย่างแท้จริงเพราะชื่นชอบอย่างมาก
นายกิตติกล่าวย้ำว่า ตนตั้งใจมาเรียนตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว แต่เนื่องจากความไม่พร้อมหลายด้าน ที่ผ่านมาเคยมานั่งเรียนบ้าง อาจารย์เคยเอาสีไปให้ทดลองเขียนบ้างแต่ก็ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด
การมาเรียนศิลปะในครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะเป็นศิลปินใหญ่ แต่เชื่อมาตลอดว่าศิลปะจะทำให้ประเทศชาติมีความศิวิไลซ์ขึ้นมาได้ หากทุกคนมีศิลปะในใจประเทศชาติก็จะพัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป การมาเรียนเพื่ออยากรู้ว่าศิลปะที่แท้จริงคืออะไร เริ่มต้นมาจากที่ใด และเชื่อว่าคนเราไม่แก่เกินเรียนแน่นอน
“ผมอยู่ในวงการศิลปะมานาน แต่ไม่เคยได้จับหรือเข้าถึงงานศิลปะเลย วันนี้จึงอยากเรียนรู้อย่างจริงจังว่าศิลปะเริ่มอย่างไร เป็นมาอย่างไร และผมชื่นชอบงานศิลปะ หลายคนในบ้านเมืองพยายามที่จะหาพื้นที่ทำหอศิลป์ แต่ก็เกิดขึ้นไม่ได้ งานศิลปะจึงไม่เป็นที่แพร่หลาย” นายกิตติกล่าว
ด้าน ผศ.ดร.สามารถ จับโจร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ในฐานะประธานที่ปรึกษาโปรแกรมวิชาทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวว่า ปีนี้มีนักศึกษาใหม่เข้ามาศึกษา 25 คน ที่พิเศษคือปีนี้มีนักศึกษารุ่นคุณตาสมัครเข้ามาเรียนด้วย คือ นายกิตติ เนตวงษ์ นักศึกษาใหม่วัย 79 ปี ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของโปรแกรมทัศนศิลป์ที่มีคนให้ความสนใจเข้ามาศึกษา แม้จะผ่านประสบการณ์มามากแต่ก็ยังอยากจะเพิ่มเติมในงานด้านศิลปะ
ที่ผ่านมามีคนมาปรึกษาให้จัดหลักสูตรระยะสั้นเพื่อเปิดโอกาสให้เพิ่มเติมความรู้ด้านศิลปะ ตนมองว่าเป็นโอกาส เป็นทางเลือก เพราะศิลปะเป็นภาษาสากล เป็นสิ่งงดงามสร้างคุณค่าทางใจ และเราะจะได้มีโอกาสต้อนรับคุณกิตติ นักศึกษาใหม่วัย 79 ปี จะเป็นการสะท้อนให้สังคมเราได้เห็นคุณค่าหรือประโยชน์ที่เกิดจากสาขาทัศนศิลป์นี้ให้รับรู้ เท่าที่ทราบน่าจะเป็นนักศึกษาที่เรียนศิลปะอายุมากที่สุดในประเทศไทยสำหรับมหาวิทยาลัยปิด
รศ.ดร.สามารถกล่าวอีกว่า สังคมไทยจะเหมือนสังคมของต่างประเทศไปทุกที ในระบบทุนนิยม อุตสาหกรรมนิยมเข้ามาทำให้ความสุขทางใจน้อยลง ฉะนั้นศาสตร์ที่สอนเรื่องสกิล ทักษะ ที่เอาเรื่องของจิตวิญญาณความเป็นส่วนตัวโดยเฉพะศาสตร์ความงามอย่างทัศนศิลป์เข้ามาจะเป็นทางเลือกที่เปิดทางรอด จะเห็นได้จากคนสนใจงานศิลปะมากขึ้น แม้แต่นโยบายของรัฐก็ส่งเสริมให้เป็นเมืองแห่งศิลปะต่อไป
ขอเชิญชวนให้คนในประเทศหันมาสนใจ เพราะทุกวันเรามีศิลปวัฒนธรรม แต่ศิลปะทางเพียวอาร์ต หรือ Visual Art หรือทัศนศิลป์ มีการเรียนรู้น้อยมาก เราเน้นไปที่การแสดงศิลปวัฒนธรรมมากกว่า ความสุขทางใจและการถ่ายทอดทางอารมณ์ความรู้สึกยังได้รับการกล่าวขวัญได้น้อย ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น