หนองคาย – ผู้เสียหายกรณีถูกนักข่าวชื่อ
จ. พยายามฉ้อโกงทรัพย์ ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ
หลังพนักงานสอบสวนส่งสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้อง พร้อมให้สอบสวนพยานเพิ่มอีก 3
ปาก ที่เคยถูกนักข่าว จ. กรรโชกทรัพย์ โดยจะขอเดินหน้าต่อสู้จนถึงที่สุด
จากกรณีเมื่อวันที่ 9
พฤษภาคม 2560 เวลาประมาณ 07.00 น. นักข่าว จ.
ได้โทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายที่เป็นร้านขายของชำในตลาดสดบ้านว่าน หมู่ 2
ตำบลบ้านว่าน อำเภอท่าบ่อ ว่าจะมีทหาร ตำรวจ เข้ามาจับกุมผู้เสียหาย
ที่ขายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18
ปี รวมทั้งไม่มีใบอนุญาตขายสุรา โดยบอกผู้เสียหายว่า “ถ้าไม่เห็นแก่หน้า
จะไม่โทรฯบอก” และนักข่าว จ.
ได้บอกกับผู้เสียหายว่า เดี๋ยวจะโทรฯคุยกับทหารให้ แล้วก็วางสายไป
ต่อมาสักพักนักข่าว จ. ได้โทรฯมาหาผู้เสียหายว่า “คุยแล้วแต่
มีค่าใช้จ่ายเยอะ” เป็นเงินประมาณ 300,000 บาท (สามแสนบาท) และบอกอีกว่า “ต่อรองกับทหารให้แล้ว” เหลือเงินจำนวน
188,000 บาท
(หนึ่งแสนแปดหมื่นแปดพันบาท)
และยังบอกกับผู้เสียหายด้วยว่า “อย่าบอกใครนะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอาย”
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 19
พฤษภาคม 2560 ก็มีทั้งตำรวจ ทหาร
เข้ามาตรวจสอบกับผู้เสียหาย เพราะความกลัว ผู้เสียหายจึงเข้าพบพนักงานสอบสวน
สภ.ท่าบ่อ เพื่อร้องทุกข์ จึงรู้ความจริงว่าโดนหลอก
จึงมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อนักข่าว จ. ในฐานความผิด “กรรโชกทรัพย์” หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2560 นักข่าว จ. ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ก้องภพ สีหาชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ
ตามหมายจับของศาลจังหวัดหนองคาย เลขที่ จ. 132/2560
ลง 25 ก.ค.2560 คดีพยายามฉ้อโกงทรัพย์ ซึ่งนักข่าว จ.
ปฏิเสธข้อกล่าวหา ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง
ล่าสุดวันที่13 พ.ย. 2560 ผู้เสียหายเจ้าของร้านขายของชำ
พร้อมทนายความได้เดินทางไปที่สำนักงานอัยการ จ.หนองคาย เพื่อยื่นขอความเป็นธรรมเนื่องจากคดีล้าช้า
และขอให้มีการสอบปากคำพยานเพิ่มอีก 3
คน
ที่เคยถูกนักข่าว จ. กรรโชกทรัพย์ เพื่อยืนยันถึงพฤติการณ์ของนักข่าว จ. ตามที่ได้ยื่นเสนอต่อพนักสอบสวน
สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนมายังอัยการ และยังไม่มีความเห็นพิจารณาสั่งฟ้อง
จึงอยากให้มีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม โดยจะขอเดินหน้าต่อสู้จนถึงที่สุด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น