รายงานข่าวแจ้งว่า ในเฟซบุ๊ก “อุดร มีด่านมีข่าว มีหมอลำ มีงานบุญ มีเหตุการณ์ต่างๆ บอกด้วย” ได้โพสต์ภาพถ่ายภาพ รปภ.ประจำท่าอากาศนานาชาติอุดรธานีกำลังล็อกล้อรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเป็นจุดจอดรับส่งผู้โดยสารชั่วคราวของท่าอากาศยาน
หลังภาพเผยแพร่ออกไปได้มีประชาชนจำนวนมากต่างชื่นชมการทำงานของ รปภ.ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ไม่เกรงกลัวแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายมงคลชัย คำประชุม หัวหน้าชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินนานาชาติอุดรธานี โดยนายมงคลชัยเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถมาจอดจริงและทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้แจ้งว่าจอดได้หากจอดไม่นาน แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปกว่า 30 นาทีก็ไม่เห็นตำรวจนายนั้นมาเคลื่อนย้ายรถยนต์ออกไป
จึงประกาศแจ้งเตือนให้มาเลื่อนรถหลายครั้ง แต่ยังไม่มีใครมาเคลื่อนย้ายแต่อย่างใด จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ทำการล็อกล้อ
“ที่ผ่านมาเคยมีการล็อกล้อรถเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกันหลายครั้ง เพราะไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่คราวนี้ได้มีประชาชนมาพบเห็นและได้ถ่ายภาพลงสื่อโซเชียล จนกลายเป็นกระแส” นายมงคลชัยกล่าว
ด้านนายวิทวัส ภักดีสันติสกุล ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.00 น. ได้รับรายงานว่ามีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งหนึ่งมาจอดนานกว่า 30 นาที
จุดดังกล่าวเป็นจุดบริการรับส่งผู้โดยสารที่ขึ้นรถเท่านั้น ห้ามจอดแช่โดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นรถของทางราชการหรือประชาชนทั่วไป
รปภ.ของท่าอากาศยานฯ ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งตนได้กำชับอยู่เสมอให้ปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการเลือกปฏิบัติ จึงขอชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของ รปภ.ประจำสนามบิน โดยการล็อกล้อครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผ่านมาก็ล็อกรถของตำรวจมาแล้ว แต่คนละสังกัด เพียงแต่ไม่มีการถ่ายภาพออกสื่อ มีครั้งนี้ประชาชนเห็นจึงได้ถ่ายเอาไว้และนำลงเฟซบุ๊ก
“เป็นสิ่งที่ดีที่สังคมต้องช่วยกัน ไม่ว่าใครถ้าทำผิดก็ต้องรับผิด ไม่ใช่เป็นตำรวจแล้วจะจอดได้แล้วไม่ผิด หาก รปภ.ไม่ล็อกล้อ ประชาชนก็จะหาว่าทางท่าอากาศยานให้อภิสิทธิ์กับตำรวจ ซึ่งทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ขอฝากส่วนราชการทุกหน่วยงานที่จะมารับมาส่งผู้บังคับบัญชา กรุณาปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางท่าอากาศยานด้วย” ผอ.ท่าอากาศยานสนามบินนานาชาติอุดรธานีกล่าวย้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น