ร้อยเอ็ด - สถานการณ์น้ำท่วมร้อยเอ็ดยังหนัก ประกาศภัยพิบัติน้ำท่วม 9 อำเภอ เผยนาข้าวกว่า 211,192 ไร่จมน้ำ ประชาชน 13,515 ครัวเรือนเดือดร้อน ขณะที่ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ดผวาเขื่อนลำปาวระบายน้ำเพิ่มวันละ 30 ล้าน ลบ.ม. สั่งเฝ้าระวังพื้นที่ริมน้ำชี และจุดเดิมลำน้ำยัง พร้อมให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งศูนย์อพยพประชาชน เน้นลำเลียงผู้สูงอายุ และเด็กก่อน

นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด 

       สถานการณ์น้ำท่วม จ.ร้อยเอ็ดไม่คลี่คลาย ล่าสุดวันนี้ (1 ส.ค. 60) จังหวัดร้อยเอ็ดได้ประกาศเขตภัยพิบัติอุทกภัยในพื้นที่ 9 อำเภอ มีประชาชนได้รับผลกระทบ 13,515 ครัวเรือน พื้นที่นาข้าว 211,192 ไร่ พืชไร่ 2,600 ไร่ บ่อปลา 40 บ่อ ถนนสายหลักที่สัญจรผ่านไม่ได้ หมายเลข 2418 อ.โพนทอง-อ.เมยวดี ช่วงบ้านหนองเดิน ต.ชุมพร อ.เมยวดี ระดับน้ำท่วม 1.8 เมตร,
       
       ถนนหมายเลข 2116 โพนทอง-ขอนแก่น กม.47-48 ตำบลหนองตาไก้ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ระดับน้ำสูง 80 เซนติเมตร ขณะที่อ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำเกิน 100 เปอร์เซ็นต์จำนวน 6 แห่ง จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวให้ผู้ที่ประสบอุทกภัยในเขตอำเภอเสลภูมิ 8 แห่ง ที่ อ.เชียงขวัญ 1 แห่ง
       
       ทั้งมีรายงานว่าเกิดเหตุพนังกั้นน้ำยังในพื้นที่ ต.วังหลวง ที่ห่างลำน้ำยังเพียง 5 เมตร ไม่สามารถต้านทานน้ำได้ ทำให้ไม่อยู่ขาดหลายจุด ทำให้กระแสน้ำไหลทะลักท่วมบ้านเรือน นาข้าว พื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากได้พัดบ้านพัง ขยายเป็นวงกว้างออกไป 3 ตำบล คือ ต.วังหลวง, ต.นาแซง และ ต.นาเมือง และน้ำได้เอ่อท่วมไปยังพื้นที่ทางตอนล่าง 

       ล่าสุด นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมหัวหน้าสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จ.ร้อยเอ็ด ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย หลังจากได้รับรายงานว่าน้ำท่วมล้นพนังอีกหลายแห่ง และพนังกั้นน้ำลำน้ำยังช่วงปลายน้ำที่ไหลผ่านบ้านทรายมูล ตำบลขวาว อ.เสลภูมิ ขาดเพิ่มขึ้นอีกแห่ง น้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่เกษตรของชาวบ้านอีก 3 ตำบล คือ ต.เขวา, ต.นาเลิง และ ต.นางาม ทำให้พื้นที่ 42 หมู่บ้านทางตอนล่างถูกน้ำท่วม
       
       นายสฤษดิ์เปิดเผยว่า อยากให้ทุกภาคส่วนเฝ้าระวังเหตุมากขึ้น เขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เพิ่มปริมาณระบายน้ำอีก 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร จะทำให้เกิดน้ำท่วมหนักขึ้น นอกเหนือจากพื้นที่เกษตรแล้วจะขยายวงท่วมถึงบ้านเรือน ซึ่งได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้แบ่งส่วนเฝ้าระวังออกเป็น 2 ด้าน ส่วนหนึ่งเฝ้าระวังน้ำลำน้ำยัง พื้นที่เดิมจากจุด อ.หนองพอก ถึง อ.เสลภมิ อีกส่วนต้องเฝ้าระวังน้ำชี จาก อ.จังหาร ผ่าน อ.เชียงขวัญ อ.ทุ่งเขาหลวง ซึ่งจะมาบรรจบกันที่ อ.เสลภูมิด้วย 

       ขอให้ทุกภาคส่วนเตรียมรับมือน้ำท่วมมากขึ้น โดยสั่งให้แกนนำท้องถิ่นทุกแห่งตั้งศูนย์อพยพประชาชน เบื้องต้นให้ลำเลียงผู้สูงอายุ และเด็กออกมาจากจุดน้ำท่วมก่อน และเตรียมพร้อมอพยพผู้คน ส่วนถนนหลักหากเส้นทางขาดจะขอรับการสนับสนุนสะพานแบริเออร์จากทหาร หรือ กอ.รมน.เข้าช่วยเหลือทำสะพานข้ามจุดที่เป็นเส้นทางให้ประชาชนสัญจรผ่านได้