|
วันนี้ (10 ส.ค. 60) ที่ห้องประชุม EOC ท่าอากาศยานเลย นายพรชัย ถมกระจ่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานประชุมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อรับฟังการนำเสนองานและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกแบบอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ตามแผนพัฒนาเตรียมรองรับท่าอากาศยานศุลกากร และท่าอากาศยานนานาชาติ สี่เหลี่ยมวัฒนธรรม 8 เมือง 2 ประเทศ
นายวีระวัฒน์ ทะคง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเลย กล่าวว่ากรมท่าอากาศยานได้ว่าจ้างบริษัท สโตนเฮ้นจ์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาออกแบบอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่และลานจอดรถยนต์ ที่ท่าอากาศยานเลย จึงประชุมนำเสนองานแก่เจ้าหน้าที่กรมท่าอากาศยาน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ระดมสมองการออกแบบอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่พร้อมลานจอดรถท่าอากาศยานเลย โดยจะนำอัตลักษณ์ที่โดดเด่นคือการละเล่นผีตาโขน มาใช้ออกแบบ
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานเลยได้ที่ปรึกษา คือ นายสังคม ทองมี ศิลปินที่มีชื่อเสียง มาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบเชิงศิลปะท่าอากาศยานเลย ตามรูปแบบอัตลักษณ์ของจังหวัดเลย คาดว่าจะเริ่มออกแบบและก่อสร้างได้ภายในปี พ.ศ. 2565 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2568
รูปแบบอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานเลย หลังใหม่ |
นายวีระวัฒน์กล่าวต่อว่า รูปแบบอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานนานาชาติเลย จะมีงวงช้าง 2 ชุดเป็นอาคาร 3 ชั้น มีอากาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และในประเทศ รองรับผู้โยสารได้ถึงวันละ 1,000 คน ในชั่วเมืองเร่งด่วน พื้นที่รันเวย์จะขยายไปทิศใต้เพิ่มเป็น 2,500 เมตร สามารถรองรับเครื่องบินโดยสารขนาดกลาง 200 ที่นั่งขึ้นไป อาทิ โบอิ้ง 737-900 ER หรือเครื่องแอร์บัส A321 จึงสามารถเชื่อมโยงเส้นทางการบินระดับนานาชาติ และเป็นท่าอากาศยานที่มีศักยภาพในอาเซียน เพื่อเป็นศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ของภาคอีสาน เชื่อมโยงการบินการท่องเที่ยวระดับอาเซียนและระดับโลก
สำหรับการออกแบบอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานเลย เพื่อรองรับการเป็นทาอากาศยานนานาชาติและเป็นไปตามาตรฐานของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) และองค์การการบนพลเรือนระหว่างระเทศ (ICAO) มีเป้าหมายรองรับจำนวนผู้โดยสารประมาณ 1,000 คนต่อชั่วโมง รองรับการพัฒนา จ.เลย ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
พัฒนาจังหวัดเลยให้เป็นเมืองทองเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเทียวสี่เหลี่ยมวัฒนธรรมลานช้าง ขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.) จึงต้องออกแบบพื้นที่ให้รองรับการเดินทางระหว่างประเทศตามมาตรฐานสากล เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานีขนส่งในเมือง และพื้นที่รอบนอก ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น