วันนี้ (1 ส.ค. 60) จ.นครพนมว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ยังคงวิกฤต โดยเฉพาะในต่างอำเภอรอบนอก หลังจากทางจังหวัดประกาศ 5 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว ซึ่ง อ.วังยาง และ อ.นาแก เป็นอำเภอโซนใต้ที่คอยรับมวลน้ำมหาศาลจากหนองหาร และจาก อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร เพื่อจะไหลระบายผ่านประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิตที่ ต.น้ำก่ำ ของ อ.ธาตุพนม เพื่อไหลระบายลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป
ว่าที่ ร.ต.ยอดเพ็ชร คำแสงดี รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวง จ.นครพนม กล่าวว่า ได้เกิดเหตุฉุกเฉินคอสะพานขาดเป็นโพรงลึกที่บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 2033 สายหนองญาติ-นาแก ช่วงสะพานลำน้ำก่ำความยาว 100 เมตร ช่วง กม. 1+244 ถนน 4 ช่องจราจร ฝั่งขาออกตัวอำเภอใกล้สี่แยกบายพาส ตรวจพบการกัดเซาะมาตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ช่วงเย็นแล้ว
ต่อมา นายสุรศักดิ์ แพงวงศ์ หน.หมวดทางหลวงนาแก ได้ระดมเจ้าหน้าที่ปักไม้ลงถุงหินฝุ่นจำนวน 250 กระสอบป้องกันจนแล้วเสร็จ กระทั่งในกลางดึกของคืนวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมาตรวจพบน้ำเซาะรุนแรงหนักขึ้นอีก
ว่าที่ ร.ต.ยอดเพ็ชรระบุว่า กระแสน้ำก่ำที่ไหลเชี่ยวกรากได้เซาะลอดใต้แนวป้องกัน และเซาะคอสะพานเป็นโพรงยาวตลอดสองคันทาง ขณะนี้ปิดการจราจรเส้นทางสายดังกล่าวแล้ว เกรงว่าคอสะพานจะถล่มได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทางสัญจรบริเวณนี้ ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางเลี่ยงหมู่บ้านสายทางหน่วยงานอื่น ให้ไปใช้เส้นทางสาย 2031 หนองญาติ-พระซอง-เรณู ทางไป อ. เรณูนคร เพื่ออ้อมไปใช้สาย 212 ธาตุพนม-บ้านต้อง เชื่อม 2023 บ้านต้อง-นาแก แทน
ขณะที่ นายวุฒิพงศ์ คำภูแสน ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครพนม เผยว่า มีมวลน้ำกัดเซาะคอสะพานอย่างหนักตลอด 4-5 วันที่ผ่านมา ทำให้ดินบริเวณคอสะพานถูกกัดเซาะเป็นโพรง จนเป็นสาเหตุให้ตัวสะพานเกิดการทรุดตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปิดการจราจรทันที เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ยวดยานพาหนะและผู้ที่สัญจรไปมาได้ และทางแขวงทางหลวงนครพนมได้เร่งขอสะพานแบริ่ง ขนาดความยาวตัวละ 15 เมตร วางทั้งสองฝั่งเพื่อให้พี่น้องประชาชนสัญจรได้เช่นเดิม ซึ่งจะได้นำมาติดตั้งในบริเวณนี้อย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ อส. พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ ต.หนองสังข์ อ.นาแก ได้นำดินรถบรรทุกดินมาเทเพื่อเร่งบรรจุใส่กระสอบปุ๋ยไปอุดกระแสน้ำที่ไหลรุนแรงป้องกันมวลน้ำทะลักกัดเซาะ หวั่นคอสะพานขาดเส้นทางเข้าหมู่บ้านก็จะถูกตัดขาดทันที
ด้าน ผศ.(พิเศษ) นายเมธา ชูจันทร์ นายอำเภอนาแก กล่าวว่า เนื่องจากมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานว่าจะมีมวลน้ำมหาศาลจาก จ.สกลนครผ่านลำน้ำก่ำ จึงได้มีการประกาศแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำให้ยกข้าวของขึ้นที่สูง และขนย้ายสัตว์เลี้ยง คงเหลือแต่เพียงหมู่บ้านติดริมน้ำก่ำ
เช่น บ้านปากบัง บ้านพิมานท่า ซึ่งถูกน้ำเอ่อล้นจากลำน้ำก่ำเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรเสียหายเกือบทั้งหมดแล้วในขณะนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น