นางสี ภาษาเวทย์ อายุ 89 ปี |
วันนี้(25 ก.ค. 60) ที่ บ้านกุดบง หมู่ 6 ตำบลบ้านเดื่อ
อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย นางสี ภาษาเวทย์ อายุ 89 ปี และนายเลิศ เทียมจันทร์ อายุ 83
ปี อาศัยอยู่ในกระต๊อบเล็กๆพอกันแดดกันฝน ในพื้นที่ของเจ้าของโรงอิฐ
โดยยายสี จะออกเดินเท้ากว่า 1 กิโลเมตรไปหาขอทานจากชาวบ้าน เพื่อจุนเจือครอบครัว
แต่ระหว่างเดินทางเกิดตกลงไปในคลองน้ำริมทาง
ชาวบ้านมาพบเห็นรีบแจ้ง 1669 ให้กู้ภัยฯในพื้นที่มาทำการช่วยเหลือ การตกลงไปคลองน้ำครั้งนี้ทำให้ยายสีเจ็บที่บริเวณหัวเข้าจนบวมเดินไม่ได้
เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯต้องรีบนำส่งโรงพยาบบาลฯ
แต่ยายสีเป็นราษฎรตกหล่นไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่มีทะเบียนบ้าน
จึงไม่มีสิทธิไดๆของทางราชการ ต้องจ่ายเงินเอง
ยายสี เล่าว่า เมื่อตอนคลอดออกมาพ่อกับแม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิดเพราะไม่มีทะเบียนบ้าน
พ่อจึงฝากเข้าทะเบียนบ้านกับญาติ แต่ทางญาติก็ปฏิเศษไม่ให้เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านด้วย
เนื่องจากกลัวว่าจะมาแย่งมรดก จนกระทั้งอายุได้ 14 ปี พ่อแม่ก็เสียชีวิตไป ตนเลยกลายเป็นราษฎรตกหล่นจนเท่าทุกวันนี้
พอเริ่มเป็นสาวตนก็มีสามีอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน(บ้านโนนศิลา) ตนไม่มีอาชีพอะไร
มีแต่สามีหาเลียง และไม่มีลูก อยู่กันจนเฒ่าจนแก่สามีก็มาเสียชีวิตจากไป ตนไม่มีความรู้และไม่ได้เรียนหนังสือ
อีกอย่างตนอายุมากแล้ว ไม่ทีเรี่ยวแรงจะทำงาน ก็เริ่มออกหาเงินด้วยการไปขอญาติ
แรกๆญาติก็ให้มา แต่พอนานๆไป ญาติก็เริ่มรำคาญถึงขนาดปิดประตูหนี ก็เลยต้องไปขอเงินชาวบ้านกิน
ชาวบ้านสงสารก็ให้เงินบ้างให้อาหารบ้างพอได้ประทังชีวิตไปวันๆ
ยายสี
เล่าต่อว่า หลังจากใช้ชีวิตคนเดียวมานาน ชาวบ้านเห็นว่ามีคุณตาเลิศ เทียมจันทร์ อายุ 83 ปี อาสัยอยู่คนเดียว และคุณตาเลิศมีดวงตาฝ้าฟางเกือบบอด
มองแทบไม่เห็น ชาวบ้านจึงให้มาอยู่กับตาเลิศเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนกัน ได้คอยช่วยเหลือตาเลิศที่มองไม่ค่อยเห็น
ซึ่งตาเลิศมีหลานชายอยู่ 1 คน ชื้อ นายภูวนาช เทียมจันทร์ อายุ 33 ปี เป็นลูกของคนงานในโรงอิฐที่เขามาฝากเลี้ยง แต่พ่อแม่ได้เสียชีวิตไปตอนนายภูวนาชอายุไป
4 ขวบ ก็ไม่ได้ไปแจ้งเกิด จึงเป็นราษฏรตกหล่นเช่นกัน ตอนนี้หลานชายได้แยกออกไปอยู่ที่อื่นและไม่ได้มาดูแล
ปล่อยให้ตนอยู่กับตาเลิศมานานกว่า 3 ปีแล้ว
ช่วงที่อยู่ด้วยกันตนก็จะออกมาเดินเท้ากว่า 1
กิโลเมตร ขอทานหาเงินเพื่อนำไปซื้ออาหารมาเลี้ยงทั้งตนและตาเลิศ
ซึ่งตนต้องแอบออกมา ไม่อย่างนั้นจะถูกตาเลิศดุว่าออกไปทำไม เพราะร่างกายไม่แข็งแรงเพราะมีโรคประจำตัวหลายโรค
แต่จำต้องแอบออกมา เพราะถ้าอยู่เฉย ๆ ก็ไม่มีข้าวกิน
ทางด้านนายปรเมษฐ์
เหมังศ์ หัวหน้าอาสากู้ภัยประจักษ์ จุดอำเภอท่าบ่อ กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.00
น. ของวันที่ 23 ก.ค. ทางศูนย์กู้ภัยประจักษ์ จุดอำเภอท่าบ่อ ได้รับแจ้งจากศูนย์
1669 จังหวัดหนองคาย ว่ามีคนตกลงไปในคลองและขึ้นไม่ใหว ตรงบริเวณถนนทางหลวงแผ่นดินท่าบ่อ-หนองสองห้อง
ก็ไปพบคุณยายสีนั่งอยู่ริมทางลุกเดินไม่ไหวและมีอาการหนาวสั่น จึงนำส่งโรงพยาบาลฯ ตรวจอาการเสร็จ
ทางแพทย์ก็ให้ยาแก้บวดและให้กลับบ้านทันที จากนั้นตนก็ลงข้อความในเฟชบุ๊ก เพื่อให้ผู้ใจบุญเข้ามาให้การช่วยเหลือ
เพราะชีวิตสองตายายน่าเวทนามาก
ในขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังทำข่าวสองตายายอยู่นั้น ก็ได้มีผู้ใจบุญทยอยเดินทางมามอบเงินช่วยเหลือ
มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับตายายทั้งสองคน ซึ่งส่วนมากจะเดินทางมาจากตัวเมืองหนองคายและจังหวัดอุดรธานี
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทราบข่าวมาจากไหน ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ทราบมาจากเฟชบุ๊กปรเมษฐ์
เหมังศ์
ในส่วนเรื่องที่เป็นราษฎรตกหล่น ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน
และสำเนาทะเบียนบ้านนั้น ล่าสุดเช้าวันนี้(25 ก.ค.) นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอท่าบ่อ พร้อมด้วยคณะกิ่งกาชาดอำเภอท่าบ่อ
ได้ลงพื้นที่เยี่ยมยายสีและตาเลิศแล้ว และมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค
พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งให้กับสองตายาย และจะให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้รับรองในการทำเอกสาร
ซึ่งจะสามารถดำเนินการช่วยเหลือตามขั้นตอนของทางราชการได้
โดยทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือต่อไป
ทั้งนี้ยังมีผู้ใจบุญบริจาคเงินให้กับสองตายายนั้น มียอดเงินรวมแล้วกว่า 1 แสนบาท
ซึ่งนายอำเภอท่าบ่อจะได้มีการหารือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มอบหมายและแต่งตั้งให้มีกรรมการเข้ามาดูแล
เพื่อให้เงินที่ได้รับบริจาคมามีความโปร่งใส
ตรวจสอบได้
และให้สองตายายได้มีเงินค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น