ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีพฤติกรรมแอบอ้างเป็นตำรวจภาค 5 โทรศัพท์ไปหาเหยื่อ ขอตรวจสอบบัญชีธนาคาร โดยอ้างว่า บัญชีมีเงินเคลื่อนไหวมากผิดปกติ-เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก่อนให้ผู้เสียหายไปทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็ม เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ก็จะใช้กลอุบายหลอกให้เหยื่อทำธุรกรรม-ตรวจสอบเงินในบัญชี สุดท้ายกลายเป็นโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคนในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยผู้เสียหายที่ถูกหลอก เสียเงินไปเกือบ 3 แสนบาท และได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อ.เมืองเชียงใหม่
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ประสานกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อตรวจกล้องวงจรปิดจากตู้เอทีเอ็ม ที่ผู้ต้องหาไปกดเงิน พบว่า มีการกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดลำปาง หลายครั้ง และยังมีการสลับกันไปกดเงิน
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ จึงได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิด กระทั่งพบว่า คนที่ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ดังกล่าว ได้มาเปิดห้องพักในโรงแรมใกล้กับห้างสรรพสินค้าดังกล่าวถึง 2 ห้อง จึงประสานกับทางโรงแรมเข้าตรวจสอบ จนกระทั่งพบของกลาง และผู้ต้องหาทั้งหมด
ล่าสุดขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล โดยเชื่อว่า น่าจะมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกให้โอนเงิน พร้อมฝากเตือนประชาชน อย่าได้หลงเชื่อจากแก๊งมิจฉาชีพที่โทรศัพท์ไปหลอกอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ไปทำธุรกรรมทางการเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หากพบพฤติกรรมเหล่านี้ ให้เก็บรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุดแล้วไปแจ้งความตำรวจ เพื่อติดตามจับกุมต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น