วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สุรินทร์ - ปาฏิหาริย์มีจริง! ความคืบหน้ากรณีสองตายายเมืองช้างประกาศผ่านสื่อตามหาลูกชายวัย 45 ปี หายไปกว่า 15 ปีหลังเดินทางไปทำงานที่สิงคโปร์ ผวาถูกจับเป็นแรงงานทาส ล่าสุดโผล่โทรศัพท์กลับมาบ้านแล้ว บอกไม่ต้องเป็นห่วงยังทำงานที่สิงคโปร์ ด้านสองตายายเผยรู้สึกโล่งอกโล่งใจเป็นอย่างยิ่งที่ลูกชายปลอดภัย ขอบคุณทุกฝ่ายและสถานทูตไทยที่ช่วยเหลือ

นายยูร ศรีสิงห์ อายุ 77 ปี และ นางสุพรรณ ศรีสิงห์ อายุ 76 ปี สองตายาย ชาวบ.ตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ไหว้ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยตามหาลูกชายหายไป 15 ปี จนพบตัว วันนี้ ( 19 ก.ค.)

นายประยงค์ หรือ บอย ศรีสิงห์ อายุ 45 ปี หายตัวไปไม่รู้ชะตากรรมนานกว่า 15 ปี หลังเดินทางไปทำงานสิงคโปร์ ล่าสุดโทรศัพท์ติดต่อกลับบ้านแล้ว
       วันนี้ (19 ก.ค. 60) ความคืบหน้ากรณีสองตายาย นายยูร ศรีสิงห์ อายุ 77 ปี และ นางสุพรรณ ศรีสิงห์ อายุ 76 ปี พร้อมด้วยลูกสาว นางณัฐปภัสร์ ศรีสิงห์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 215 ม.8 บ.ตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนให้ช่วยเสนอข่าวตามหาลูกชาย คือ นายประยงค์ หรือบอย ศรีสิงห์ อายุ 45 ปี ที่หายตัวไปอย่างไม่รู้ชะตากรรมนานกว่า 15 ปี หลังจากเดินทางไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ และไม่สามารถติดต่อได้จนถึงขณะนี้ ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงและคิดถึงกินไม่ได้นอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะตามหาได้อย่างไร และเกรงจะถูกจับตัวไว้เป็นแรงงานทาสในเรือประมงตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยเหลือ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น 

       ล่าสุดวันนี้ ได้รับการเปิดเผยจากสองตายาย คือ นายยูร และนางสุพรรณ ศรีสิงห์ ว่า ลูกชายคือ นายประยงค์ หรือบอย ศรีสิงห์ ได้โทรศัพท์กลับมาบ้านแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังหายตัวไปไม่เคยติดต่อกับทางบ้านมากว่า 15 ปี โดยนายประยงค์บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง สาเหตุที่ไม่ได้โทรศัพท์ติดต่อมาทางบ้านเพราะไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ และยังคงทำงานกับนายจ้าง ซึ่งไม่เปิดเผยว่าทำงานอะไร
       
       ทั้งนี้ นายประยงค์บอกว่า ได้ทราบข่าวการประกาศตามหาตัวเองจากสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์ ที่ประสานไปยังบริษัทที่ทำงานอยู่ พร้อมทราบจากเพื่อนที่ดูข่าวทางทีวี และโซเชียลมีเดีย จึงได้หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อกลับบ้านมาหาพ่อแม่ได้ ซึ่งนายประยงค์ขอเวลาทำงานอยู่ที่สิงคโปร์อีกประมาณ 1 ปี 1 เดือน เพื่อเก็บเงินเป็นค่าเดินทางกลับบ้านประเทศไทย
       
       สองตายายบอกอีกว่า รู้สึกโล่งอกโล่งใจเป็นอย่างยิ่งที่ลูกชายปลอดภัย เริ่มกินได้นอนหลับแล้ว อยากให้ลูกชายกลับมาบ้านเร็วๆ เพราะพ่อแม่แก่มากแล้ว ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยนำเสนอข่าว และสถานเอกอัคราชทูตไทยประจำสิงคโปร์ กระทรวงการต่างประเทศ ที่ช่วยประสานงานช่วยเหลือจนพบตัวลูกชายในครั้งนี้ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หนองคาย จัดแข่งขันกีฬาภายในโรงเรียน “นาน้ำพายเกมส์”

หนองคาย – โรงเรียนบ้านนาน้ำพาย จัดแข่งขันกีฬาภายในโรงเรียน “นาน้ำพายเกมส์” ประจำปีการศึกษา 2560         วันนี้ ( 27 ธ.ค. 2560 ) ที...