จากกรณีชาวบ้านลาดสมบูรณ์
หมู่ 9 ต.บึงวิชัย อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นำโดยไพบูลย์
ไชยคำนวน อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 87 และตัวแทนชาวบ้านได้รวมตัวกันเข้าตรวจสอบศาลาประชาคมหมู่บ้าน
ที่สร้างจากงบประมาณโครงการประชารัฐ
หลังทำการก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งจากการตรวจสอบระบุว่าไม่ได้มาตรฐาน ปริมาณงานน้อย
ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ 2 แสนบาท และเงินกองกลางหมู่บ้านหายไป 5
พันบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้ร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.เมืองกาฬสินธุ์
แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงเรียกร้องให้ สตง. และ ปปช. เข้าตรวจสอบ
ต่อมาได้มีหญิงวัยกลางคน
พร้อมด้วยชายวัยรุ่น และหญิงวัยรุ่น รวม 3 คน อ้างว่าเป็นญาตินายบัญชา อุ่นมีศรี
ผู้ใหญ่บ้านลาดสมบูรณ์ หมู่ 9 ต.บึงวิชัย อ.เมือง
จ.กาฬสินธุ์ บุกเข้ามายังห้องทำงานสมาคมนักข่าวกาฬสินธุ์ พร้อมกับข่มขู่ เนื่องจากไม่พอใจที่นำเสนอข่าวชาวบ้านร้องเรียน
และนักข่าวได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ที่สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กับ พ.ต.ต.สมทรง
เวียงปฏิ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 3 เนื่องจากไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ และเกรงว่าจะไม่ได้ความปลอดภัย
เพราะถือว่าการกระทำทั้ง 3 คนถือเป็นการข่มขู่ คุกคามสื่อ
และเป็นการบุกรุกตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา
13.30 น. วันนี้( 25 มิ.ย. 60)
ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ชาวบ้านลาดสมบูรณ์ หมู่ 9 ต.บึงวิชัย นำโดยนายเกสร สุวรรณราช อายุ 77 ปี
นายเฉลิม อุ่นมีศรี อายุ 72 ปี ซึ่งทั้ง2 คนเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านลาดสมบูรณ์ หมู่ 9 และนายไพบูลย์
ไชยคำนวน อายุ 42 ปี ตัวแทนชาวบ้าน พร้อมด้วยชาวบ้านจำนวน 100
คน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สิทธิ์ ประเสริฐสังข์
พนักงานสอบสวน เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
โดยระบุว่าเกรงไม่ได้รับความปลอดภัยจากผู้มีอิทธิพลในชุมชน
หลังผู้สื่อข่าวสมาคมนักข่าวกาฬสินธุ์ ถูกคนใกล้ชิดผู้ใหญ่บ้าน
คือน้องเมียกับลูกชายบุกข่มขู่ถึงห้องทำงาน
เหตุไม่พอใจที่นำเสนอข่าวชาวบ้านร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับโครงการประชารัฐดังกล่าว
นายไพบูลย์
ไชยคำนวน กล่าวว่า หลังจากตนกับชาวบ้าน
ได้มีทำหนังสือร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านลาดสมบูรณ์ หมู่ 9
ไปยังศูนย์ดำรงธรรม อ.เมืองกาฬสินธุ์
เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของโครงการประชารัฐ 2 แสนบาท
ที่นำมาสร้างศาลาประชาคม และยักยอกเงินกองกลางหมู่บ้านจำนวนประมาณ 5 พันบาท มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน
จึงได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรมและร่วมตรวจสอบด้วย
แต่ผลกลับเป็นว่าหลังจากที่สื่อได้นำเสนอข่าวออกไป
คนใกล้ชิดนายบัญชา อุ่นมีศรี ผู้ใหญ่บ้าน คือนางสาวสายฝน นันเรียม อายุ 46
ปี บ้านเลขที่ 92 หมู่ 9 ต.บึงวิชัย ซึ่งเป็นน้องเมียนายบัญชา กับนายสยุมภู อุ่นมีศรี อายุ 32
อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 9 ต.บึงวิชัย ซึ่งเป็นลูกชายผู้ใหญ่บ้าน
ได้บุกรุกเข้าไปข่มขู่นักข่าวถึงให้ห้องทำงาน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทำให้ตนและชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัว ไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต
เพราะขนาดนักข่าวยังถูกคุกคามข่มขู่ แล้วพวกเราที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา
จะไม่ให้รู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไร
ขณะที่นายเกสร สุวรรณราช อายุ 77 ปี
อดีต ผู้ใหญ่บ้านลาดสมบูรณ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ชาวบ้านที่ร่วมลงชื่อร้องเรียนนายบัญชาฯผู้ใหญ่บ้าน
จำนวน 100 คน จากจำนวนประชากรในหมู่บ้านประมาณ 200 คน จึงรู้สึกไม่ปลอดภัย บางคนเป็นกังวล กินไม่ได้นอนไม่หลับ
โดยเฉพาะที่ได้ยินญาติผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งพูดกรอกหูอยู่บ่อยๆ
ตั้งแต่มีเรื่องร้องเรียนว่า “เอาปืนยิงกรอกปากมันเลย”
ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ
อย่างไรก็ตาม
เพื่อความสบายของชาวบ้าน ลูกหลาน ที่ต้องการเห็นความถูกต้องเที่ยงธรรมในหมู่บ้าน
จึงได้พากันมาแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ ชาวบ้านยังเรียกร้องไปยังนายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์
ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบสำนวนที่ชาวบ้านร้องเรียนโครงการประชารัฐ 2
แสนบาท ที่ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านลาดสมบูรณ์ หมู่ 9
จัดสร้างศาลาประชาคมในเร็ววันด้วย
เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับชาวบ้านที่ต้องการความเป็นธรรม
และให้มีการเบิกจ่ายเงินจากภาษีประชาชนเกิดประโยชน์คุ้มค่า
ด้าน ร.ต.อ.สิทธิ์ ประเสริฐสังข์ พนักงานสอบสวน
สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำชาวบ้านที่มาร้องทุกข์ในเบื้องต้น
ได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
และให้ความเชื่อมั่นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ หากพบเบาะแสหรือเหตุใดส่อถูกทำร้ายคุกคาม
ไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถแจ้งสายตรวจตำบล หรือสายด่วน 191
ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้
ในส่วนของการติดตามคดีนั้น
เนื่องจากบุคคลที่ชาวบ้านระบุว่ามีพฤติกรรมข่มขู่ชาวบ้านนั้น
เป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่นักข่าวสมาคมนักข่าวมาแจ้งความไว้ จึงจะได้ประสานแนวทางการปฏิบัติงานกับ
พ.ต.ต.สมทรง เวียงปฏิ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าของคดี
เพื่อดำเนินการตามคดีตามกฎหมายต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น