วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

หนุ่มวัย 47 ปี ชาวกาญจนบุรี มาเที่ยวหนองคายปลุกไม่ตื่น สุดท้ายกลายเป็นศพ

หนองคาย - หนุ่มวัย 47 ปี ชาวกาญจนบุรี พาพี่สาวและญาติมาเที่ยวหนองคาย ช่วงเช้าจะเดินทางกลับพี่สาวมาปลุกอาบน้ำ แต่พบกลายเป็นศพแล้ว คาดหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน 

       เมื่อเวลา 06.50 น. วันนี้ (31 พ.ค. 60) พ.ต.ท.บำรุง แนบชิดชัย สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองหนองคาย รับแจ้งมีคนเสียชีวิตที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ริมถนนมิตรภาพ อ.เมืองหนองคาย จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลหนองคาย หน่วยกู้ภัยประจักษ์ และอาสาสมัคร 191 ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย
       
       ที่เกิดเหตุเป็นห้องพักบนชั้น 2 พบศพนายบุญเลิศ ท้วมสมบูรณ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/3 หมู่ 3 ต.ท่าตะคร้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี สวมเสื้อยืดโปโลสีฟ้าเทา กางเกงขาสามส่วนสีเขียว นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง ตามร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย แพทย์สันนิษฐานอาจเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง 

       สอบถามพี่สาวผู้ตายทราบว่า ตนกับน้องชาย และญาติพี่น้องพากันเดินทางจาก จ.กาญจนบุรีมาท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย เช้าวันนี้จะเดินทางกลับ เวลาประมาณตีห้าตนตื่นมาอาบน้ำเตรียมตัว จากนั้นได้ปลุกน้องชายให้ลุกมาอาบน้ำแต่ก็ไม่ยอมตื่น จนเดินมาแตะตัวก็พบว่าตัวเย็นเฉียบและเสียชีวิตแล้ว โดยที่น้องชายปกติสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ซึ่งไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายและจะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดต่อไป.


ตำรวจ สภ.ศรีเชียงใหม่ รวบตีนแมวงัดบ้านหลายราย ของกลางเพียบ

หนองคาย - ตำรวจ สภ.ศรีเชียงใหม่ หนองคาย รวบหนุ่มย่องเบาตระเวนหาบ้านเหยื่อไม่มีคนอยู่เข้าไปขโมยของ ได้ทั้งพระเครื่อง อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือช่าง ตำรวจวอนผู้เสียหายตรวจสอบของกลาง 



        เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 60 ที่ สภ.ศรีเชียงใหม่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย พ.ต.อ.สมบัติ นาแถมพลอย ผกก.สภ.ศรีเชียงใหม่, พ.ต.ท.วิทยา ลีทอง รอง ผกก.(สอบสวน), ร.ต.อ.ธเนศ พิมพ์มหา รอง สว.(สอบสวน) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายวุฒินันท์ ศรีหานนท์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ 6 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย พร้อมของกลางพระเครื่อง ประมาณ 100 องค์, นาฬิกา 6 เรือน, กล้องถ่ายรูป 2 ตัว, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 30 เครื่อง, เครื่องมือช่าง หินตัด ตู้เชื่อม 15 เครื่อง โดยทั้งหมดตรวจยึดได้ภายในห้องพักของนายวุฒินันท์
       
        พ.ต.อ.สมบัติ นาแถมพลอย ผกก.สภ.ศรีเชียงใหม่ กล่าวว่า ช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่ามีคนร้ายงัดบ้านเข้าไปขโมยทรัพย์สินหลายราย ส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลากลางวันซึ่งไม่มีคนอยู่บ้าน ทั้งในพื้นที่ สภ.ศรีเชียงใหม่ และ สภ.ท่าบ่อ ที่อยู่ใกล้กัน กระทั่งเวลา 01.30 น. วันที่ 27 พ.ค. 60 เจ้าหน้าที่ได้กวดขันอาชญากรรม ยาเสพติดในพื้นที่ ทราบว่านายวุฒินันท์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
      
       จึงไปตรวจสอบ พบกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 169 นัด บรรจุอยู่ในกล่องกระดาษ 4 กล่อง กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 25 นัด และของกลางดังกล่าวอยู่ในห้องพัก แต่นายวุฒินันท์เพียงรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของกระสุนปืนเท่านั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย ไว้ก่อน

        ตำรวจคาดว่านายวุฒินันท์ปฏิเสธว่าขโมยทรัพย์สิน เนื่องจากอยู่ระหว่างการประกันตัวศาลในชั้นอุทธรณ์คดีลักทรัพย์อยู่ จึงขอให้ผู้เสียหายที่เคยถูกคนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สินในบ้านมาตรวจสอบของกลางเพื่อจะได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ต่อนายวุฒินันท์เพิ่มเติมด้วย 


ตำรวจท่าบ่อ รวบหนุ่มอุดรฯ หลังเสพยาบ้า 10 เม็ด ไอส์อีก 2 กรัม ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง

หนองคาย - ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ รวบหนุ่มอุดรฯ หลังเสพยาบ้า 10 เม็ด ไอส์อีก 2 กรัม ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ได้สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทไป สารภาพจะเอาสร้อยทองไปขายเพื่อนำเงินมาซื้อยาบ้าเสพ

       เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 60 ที่ สภ.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พ.ต.อ.ปรีดา ดวงพุทธา ผกก.(สอบสวน) รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ท่าบ่อ พ.ต.ต.เนติพงษ์ จำนงนิตย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ท่าบ่อ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัวนายวีระยุทธ หรือกี้ ศรีวิรัตน์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 269 หมู่ที่ 6 บ้านน้ำทรง ต.ศรีสำราญ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี พร้อมของกลางรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 สีดำ ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน พร้อมสร้อยคอทองคำ 1 เส้นหนัก 2 บาท โดยกล่าวหาว่าวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป

       ในการจับกุมครั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากศูนย์สื่อสารว่ามีเหตุคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ที่ห้างทองเชอรี่ 2 หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่รีบรุดไปตรวจสอบ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ เป็นชายรูปร่างผอม อายุประมาณ 19-20 ปี ไว้ผมสั้นเกรียนแบบหัวโล้น สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ เสื้อตัวด้านในเป็นผ้ายืดสีลาย สวมกางเกงยีนต์ขายาวสีน้ำเงิน มีรอยสักที่บริเวณหางคิ้วด้านขวาและใบหน้ามีร่องรอยแผลเป็น มองเห็นได้ชัดเจน โดยได้สร้ายคอทองคำไป 1 เส้น น้ำหนักประมาณ 2 บาท แล้ววิ่งหลบหนีไปขึ้นขับรถ จยย.หนีไปทางแยกโยคี

       เจ้าหน้าที่จึงได้แบ่งกำลังออกสืบสวนติดตามจับกุมอย่างกระชับชิด ตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี จนกระทั้งเวลาประมาณ 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบชายผู้ต้องสงใสลักษณะดังกล่าวอยู่ที่บริเวณถนนชลประทาน ระหว่างบ้านนาช้างน้ำ-บ้านท่าสำราญ ภายหลังได้รับข้อมูลเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพร้อมสายตรวจรถยนต์ได้รีบรุดไปตรวจสอบ พบชายคนดังกล่าวซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกับคนร้ายที่ก่อเหตุ แต่ไม่พบรถจยย.และเสื้อคลุมสีดำ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนขอตรวจสอบ ทันใดชายคนดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แสดงอาการตกใจและพยายามวิ่งหลบหนี แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเอาไว้ได้ และนำผู้ต้องหามาทำการสอบสวนที่ สภ.ท่าบ่อ

        จากการสอบสวนเบื้องต้น นายวีระยุทธหรือกี้ ยังให้การวกวน เจ้าหน้าที่จึงได้แบ่งกำลังออกค้นหารถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุ พบรถห่างจากจุดควบคุมตัวประมาณ 3 กิโลเมตร และพบสร้อยคอทองคำที่ซ่อนไว้ใต้ต้นไม้ ห่างจากจุดควบคุมตัวประมาณ 20 เมตร ซึ่งนายวีระยุทธหรือกี้ ได้ยอมจำนนด้วยหลักฐานและสารภาพว่า รถจยย. ตนได้ยืมมาจากเจ้าของรีสอร์ทในตัวเมืองหนองคาย จากนั้นก็ขับขี่รถจยย. มาตามถนนชลประธาน หนองคาย-ท่าบ่อ เมื่อมาถึงห้างทองเชอรี่ตนก็ทำทีไปซื้อสร้อยทอง เมื่อเจ้าของร้านนำสร้อยทองมาให้ดู ตนจึงทำการกระชากสร้อยทองแล้ววิ่งไปขึ้นรถจยย.ขับหลบหนีไปตามเส้นทางดังกล่าว ระหว่างที่หลบหนีเกิดน้ำมันรถหมด ตนจึงทิ้งรถไว้ข้างทาง ถอดเสื้อคลุมออกและเดินต่อไป ระหว่างนั้นก็ได้นำสร้อยทองไปซ่อนไว้ไต้ต้นไม้ริมทาง ซึ่งก่อนก่อเหตุตนได้สูบยาบ้ามาก่อน 10 เม็ด ยาไอส์อีก 1 กรัม โดยยาบ้าและยาไอส์ซื้อมาจากเอเย่นในพื้นที่ จ.อุดรธานี และรถจยย.ที่ยืมมาตนก็จะไม้คืนเจ้าของ จะเอาไว้ใช้เอง รวมถึงยาบ้ายาไอส์ก็จะชิ่งไม่จ่ายเงินเช่นกัน โดยสร้อยทองที่ได้ตนจะเอาไปขายในพื้นที่ อ.น้ำโสม เพื่อนำเงินมาซื้อยาเสพ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยติดคุกมาแล้ว 14 วัน ในข้อหาทำร้ายร่างกายภรรยา ออกคุกมาได้ 2 ปีก็มาก่อเหตุดังกล่าว
       ส่วนทางด้านนางสาวบัณฑิกา อรนุการสกุล อายุ 31 ปี เจ้าของร้านทองกล่าวว่า ตอนนั้นตนกำลังเปิดร้านและกำลังจัดสร้อยทอง ซึ่งคนร้ายก็เข้ามาขอดูแหวนทอง ตนจึงหยิบมาให้ดู ดูเสร็จเขาก็ขอดูสร้อยทองหนัก 2 บาท แต่ตนก็ยังเอะใจด้วยลักษณะมันหน้ากลัว ตนก็เลยเอามือกำสร้อยทองไว้ ในขณะที่เขากำลังดู ตนนั้นยังกำสร้อยอยู่ จากนั้นเขาก็กระชากสร้อยออกจากมือ และคนร้ายก็คว้างนาฬิกาเข้ามาหาตน หลอกให้ตกใจ หลังจากนั้นตนก็รีบวิ่งตามคนร้ายไป เห็นคนร้ายวิ่งไปขึ้นรถจยย.ที่จอดไว้ใกล้ๆกับร้าน แล้วก็หลบหนีไป หลังจากนั้นตนจึงได้แจ้งตำรวจ แล้วตำรวจก็มาตรวจสอบและออกติดตาม จากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง ตำรวจก็โทรมาแจ้งว่าจับคนร้ายได้แล้ว

       เจ้าหน้าจึงควบคุมตัวนายวีระยุทธหรือกี้ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

จัดประเพณีบุญเบิกบ้าน รำบวงสรวงถวายเจ้าปู่และแม่ย่า

หนองคาย – ชาวชุมชนท่าคกเรือร่วมใจพัฒนา เขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จัดประเพณีบุญเบิกบ้าน รำบวงสรวงถวายเจ้าปู่และแม่ย่า บางคนร่ายรำเลื้อยเหมือนพญานาคประทับร่าง สร้างความฮือฮาต่อผู้ที่เข้าร่วมพิธีเป็นอย่างมาก

       วันนี้ (31 พ.ค. 60) ที่ศาลปู่เจ้าท่าบ่อ ชุมชนท่าคกเรือร่วมใจพัฒนา เขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย มีชาวบ้านในชุมชนท่าคกเรือร่วมใจพัฒนาและชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง ร่วมงานประเพณีบุญเบิกบ้าน รำบวงสรวงถวายเจ้าปู่และแม่ย่า โดยบรรดานางเทียมหรือที่เรียกกันว่าร่างทรง ทั้งชายและหญิงจะสวมชุดไทยโบราณหลากหลายสี ร่ายรำไปตามเสียงแคนเสียงกลองที่เล่นประกอบ และมีร่างทรงปู่สูตันใส่ชุดสีขาวเป็นองค์ประธาน โดยทำพิธีร่ายรำไปรอบๆ ต้นมงคลสูงประมาณ 2 เมตร และมีผลไม้ห้อยไว้รอบต้นมงคลและฐาน  ส่วนที่โต๊ะบูชาก็จะมีขันหมากเบงที่ประดับด้วยด้ายมงคล กล้วยน้ำว้า น้ำแดง ผลไม้หลากหลายชนิด วางไว้หน้าเจ้าปู่และแม่ย่า รวมทั้งที่บริเวณหน้ารูปปั้นเจ้าที่ปู่แม่ย่า จะมีเครื่องคาวหวานวางถวายไว้ด้วย นอกจากนั้นยังมีกระทงที่ทำจากกาบของต้นกล้วย ใส่อาหารขาวหวานต่างๆเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายด้วย

        ในขณะที่ทุกคนกำลังร่ายรำอยู่นั้น ก็มีนางเทียม(ร่างทรง)คนหนึ่ง ดูเหมือนพญานาคประทับร่าง ได้แสดงอาการร่ายรำอย่างอ่อนช้อยเหมือนพญานาคว่ายน้ำ มีเหงื่อเม็ดโตๆไหลซึมออกมาเต็มร่างจนเปียกชุ่ม และก็รำเลื้อยไปมาตามที่คนได้ลาดน้ำเป็นทางไว้ให้ ขณะที่จะเลื้อยเข้าไปหาร่างทรงปู่สูตัน ดูเหมือนร่างทรงพญานาคจะไปไม่ไหว แต่เมื่อร่างทรงปู่สูต้นนำขัน 5 มาให้และได้ใช้ปากคาบเอาไว้ ทันทีที่ร่างทรงปู่สูตันไช้น้ำลาดลงบนตัวเท่านั้น ร่างทรงพญานาคก็กลายเป็นคนปกติ ลุกเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็สร้างความฮือฮาต่อผู้ที่เข้าร่วมพิธีเป็นอย่างมาก


       สำหรับบุญเบิกบ้านหรือบุญเดือนเจ็ด จัดขึ้นเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกรกรุงรังออกจากร่างกายและทำจิตใจให้สดใส หรือเรียกอีกอย่างว่า บุญซำฮะหรือชำระ หมายถึงทำให้สะอาดทั้งภายนอก ได้แก่ร่างกาย เสื้อผ้า อาหาร การกิน ที่อยู่อาศัย สกปรก และภายใน ได้แก่จิตใจ เกิด ความโลภ โกรธ หลง

 

        ในปัจจุบันบุญเบิกบ้านของชาวบ้านในพื้นที่ จ.หนองคาย หลายๆหมู่บ้านจะมีรำบวงสรวงถวายเจ้าปู่และแม่ย่า ปู่ตา  เจ้าแม่ด้วย บางหมู่บ้านก็จะไม่มีรำบวงสรวง  ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม หรือที่เรียกว่า เดือน 6  ประเพณีนี้สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดในขั้นตอนพิธี นี่เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของคนในชุมชนในหมู่บ้าน ที่ให้ความสำคัญแก่งานประเพณีอีสานเก่าดั้งเดิมของคนรุ่นก่อน ที่ถ่ายทอดประเพณีนี้ให้แก่ลูกหลานได้เรียนรู้และรักษาไว้สืบต่อไป.






หนองคาย จัดแข่งขันกีฬาภายในโรงเรียน “นาน้ำพายเกมส์”

หนองคาย – โรงเรียนบ้านนาน้ำพาย จัดแข่งขันกีฬาภายในโรงเรียน “นาน้ำพายเกมส์” ประจำปีการศึกษา 2560         วันนี้ ( 27 ธ.ค. 2560 ) ที...